มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
3 posters
มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
ใครสร้างสรรค์คำว่า “จักรยาน”
รถจักรยานเป็นของใหม่ เข้ามาเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕
แต่คำว่า “จักรยาน” ถูกผูกใช้มาก่อนไม่น้อยกว่าสี่ปี
มิหนำซ้ำ เมื่อรถ “bicycle” แพร่หลายเข้ามา ชาวสยามยังไม่ได้เรียกมันว่า “จักรยาน” ด้วย
ผู้สนใจเรื่องนี้ สามารถหาหนังสืออัตชีวประวัติ ประวัติการของจอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เล่า ๑-๒ พิมพ์โดย องค์การค้าคุรุสภาพ (พ.ศ. ๒๕๐๔) มาพิจารณาเพิ่มเติมได้
เจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯ เล่าว่า ในพ.ศ. ๒๔๑๙ ขณะดำรงราชทินนามที่จมื่นศราภัยสฤษดิการ ท่านมีอายุ ๒๕ ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้บรรพชาอุปสมบท สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ จึงสั่งให้ท่านเข้าพิธีบวชพร้อมกับหลานของผู้สำเร็จราชการอีกหนึ่งคน
บุคคลผู้นั้นคือ นายเหมา บุนนาค รับราชการดำรงราชทินนามที่ “หลวงจักรยานานุพิจารณ์” เรียกสั้น ๆ รับรู้โดยทั่วไปว่า “หลวงจักรยาน”
โดยอ้างหลักฐานคือ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ ๕ ภาค ๓ พ.ศ. ๒๔๒๐ ที่กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า
“...หลวงจักรยานพากัปตันเดนเข้ามาหา...”
เอกสาร “การแต่งตั้งขุนนางไทยในสมัยรัชการที่ ๕“ ระบุว่า ตำแหน่งหน้าที่ของหลวงจักรยานคือ “...ผู้ช่วยราชการในกรมเรือกลไฟ” นายเหมา บุนนาค ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งในต้น พ.ศ. ๒๔๑๙
เรือกลไฟเริ่มมีใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐–๒๔๐๓) แต่ผม (ผู้เขียน) ยังไม่สามารถค้นได้ว่า ในกรมเรือกลไฟมีการแต่งตั้งข้าราชการผู้ใดให้ดำรงบรรดาศักดิ์หลวงจักรยานมาก่อนนายเหมา บุนนาค หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ค้นพบนี้ทำให้รู้แน่ว่า เดิมทีจักรยานมิได้อยู่บนบก หากแต่อยู่ในน้ำ
แล้ว “จักรยาน” ขึ้นบกเมื่อไร ?
จากหลักฐานต่าง ๆ พบลำดับการเปลี่ยนแปลงของการขานนาม “bicycle” ในเมืองไทย ดังนี้
- พ.ศ. ๒๔๒๓ เรียกว่า “ไตรศิเคอล” (ไบศิเคอล-จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน)
- พ.ศ. ๒๔๒๕ เรียก “รถถีบ” (จดหมายเหตุรายวัน กรมพระยาเทวะวงศ์ฯ)
- พ.ศ. ๒๔๓๙ เรียก “ทวิจักรยาน” (หนังสือ ยุทธโกษ)
- พ.ศ. ๒๔๔๒ หนังสือ สรรพพจนานุโยค ของ แซมมวล สมิท นิยามคำว่า bicycle ไว้เป็นครั้งแรกใน
ประวัติศาสตร์พจนานุกรมไทยดังนี้
bicycle = รถถีบด้วยเท้าให้เดิน มีล้อใหญ่ข้างหน้า ล้อเล็กข้างหลัง
รถไบไศรเก็ล รถจักรยานเช่นนี้ถีบเดินเร็วนัก
- พ.ศ. ๒๔๔๔๓ เรียก “ไบศิเกอล” (ลายพระหัตถ์ สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี)
สังเกตได้ว่า คำ “จักรยาน” เริ่มมีปรากฏมาพัวพันกับ “bicycle” แล้วตั้งแต่ปี ๒๔๓๙ เป็นต้นมา และคงกว้างขวางในระดับหนึ่ง ทำให้ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทยของหมอสมิทเก็บคำนี้ไว้ (แต่ในดิกชันนารีอังกฤษ-ไทย อีกเล่มคือ ศิริพจน์ภาษาไทย ของสังฆราชปาเลกัวซ์ ตีพิมพ์ใหม่ พ.ศ. ๒๔๓๙ ไม่มีคำแปลของ bicycle บรรจุไว้)
อย่างไรก็ตาม คำ “จักรยาน” ก็น่าจะยังคงไม่ได้ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ ด้วนในหลายปีหลังจากนั้น ยังมีผู้เรียกทับศัพท์ว่า “ไบศิเกอล”, “ไบศิเกิ้ล” เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบันทึกต่าง ๆ ของเจ้านายชั้นสูง
อเนก นาวิกมูล พบข้อมูลสำคัญจากหนังสือ สยามประเภท ของ ก.ศ.ร. กุหลาบ ฉบับวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๔๘ ที่น่าจะทำให้เป็นอันยุติว่า ผู้ใดคือผู้นำคำ “จักรยาน” มาใช้กับ “bicycle”
ก.ศ.ร. กุหลาบ ว่าไว้ดังนี้...
“...(ข้อ ๕ ถามว่า) รถไบศิเกิ้ลแปลว่าอย่างไร ? ตอบว่าเราได้แปลแล้วก่อนมนุษย์ทั้งสิ้น ได้แปลแล้วลงใน ออบเซอร์เวอร์ เมื่อปี ๑๑๔ (ร.ศ. ๑๑๔ หรือ พ.ศ. ๒๓๓๘–ผู้เขียน) แปลชื่อรถไบซิเกิ้ลนั้นแล้วจึ่งแปลว่าดั่งนี้ ‘จักรยาน’ จักร แปลว่า หมุน, ยาน (หรือ) ยานะ แปลว่าพาหนะพาไป คือจักรพาไปเท่านั้นเอง...”
แม้ในระยะแรก ศัพท์บัญญัติที่เสนอโดย ก.ศ.ร. กุหลาบจะได้รับการปฏิเสธจากบุคคลชั้นสูงอยู่บ้าง แต่ในที่สุดมันก็แพร่หลายเป็นที่ยอมรับมาจนทุกวันนี้
นอกจากคำ “จักรยาน” และ “รถถีบ” แล้ว บางท้องถิ่นของไทยที่ภาคใต้ เรียกยานชนิดนี้ว่า “รถสองล้อ”
ส.พลายน้อย และ ล้อม เพ็งแก้ว จำได้ว่า ยังมีศัพท์บัญญัติอีกคำหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกให้แก่ bicycle คำนั้นคือ “แรงน่อง”
ผู้บัญญัติคือ น.ม.ส. หรือกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส
อย่างไรก็ตาม “แรงน่อง” ก็อ่อนแรงและเลือนไปในที่สุด
ย้อนกลับไปที่คำ “จักรยาน” แม้เราจะเจอว่า ก.ศ.ร. กุหลาบ เป็นผู้นำมาใช้จนเป็นที่ยอมรับในความหมายใหม่แล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีการพบหลักฐานว่าใครคือผู้จับคำว่า “จักร” และ “ยาน” มาสมาสเป็นคำใหม่ให้ไว้แก่โลกอย่างแท้จริง
ด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้ง (และแต่งตั้งข้าราชการ) กรมเรือกลไฟสมัยนั้น ทั้งพระบาทสมเด็จพระจอม-เกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาทั้งสามพระองค์ และต่างได้ทรงบัญญัติศัพท์เทคนิคไว้จำนวนไม่น้อย
บทความจากหนังสือ "สารคดี" เรื่อง"การกลับมาของรถถีบ"
รถจักรยานเป็นของใหม่ เข้ามาเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕
แต่คำว่า “จักรยาน” ถูกผูกใช้มาก่อนไม่น้อยกว่าสี่ปี
มิหนำซ้ำ เมื่อรถ “bicycle” แพร่หลายเข้ามา ชาวสยามยังไม่ได้เรียกมันว่า “จักรยาน” ด้วย
ผู้สนใจเรื่องนี้ สามารถหาหนังสืออัตชีวประวัติ ประวัติการของจอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เล่า ๑-๒ พิมพ์โดย องค์การค้าคุรุสภาพ (พ.ศ. ๒๕๐๔) มาพิจารณาเพิ่มเติมได้
เจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯ เล่าว่า ในพ.ศ. ๒๔๑๙ ขณะดำรงราชทินนามที่จมื่นศราภัยสฤษดิการ ท่านมีอายุ ๒๕ ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้บรรพชาอุปสมบท สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ จึงสั่งให้ท่านเข้าพิธีบวชพร้อมกับหลานของผู้สำเร็จราชการอีกหนึ่งคน
บุคคลผู้นั้นคือ นายเหมา บุนนาค รับราชการดำรงราชทินนามที่ “หลวงจักรยานานุพิจารณ์” เรียกสั้น ๆ รับรู้โดยทั่วไปว่า “หลวงจักรยาน”
โดยอ้างหลักฐานคือ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ ๕ ภาค ๓ พ.ศ. ๒๔๒๐ ที่กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า
“...หลวงจักรยานพากัปตันเดนเข้ามาหา...”
เอกสาร “การแต่งตั้งขุนนางไทยในสมัยรัชการที่ ๕“ ระบุว่า ตำแหน่งหน้าที่ของหลวงจักรยานคือ “...ผู้ช่วยราชการในกรมเรือกลไฟ” นายเหมา บุนนาค ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งในต้น พ.ศ. ๒๔๑๙
เรือกลไฟเริ่มมีใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐–๒๔๐๓) แต่ผม (ผู้เขียน) ยังไม่สามารถค้นได้ว่า ในกรมเรือกลไฟมีการแต่งตั้งข้าราชการผู้ใดให้ดำรงบรรดาศักดิ์หลวงจักรยานมาก่อนนายเหมา บุนนาค หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ค้นพบนี้ทำให้รู้แน่ว่า เดิมทีจักรยานมิได้อยู่บนบก หากแต่อยู่ในน้ำ
แล้ว “จักรยาน” ขึ้นบกเมื่อไร ?
จากหลักฐานต่าง ๆ พบลำดับการเปลี่ยนแปลงของการขานนาม “bicycle” ในเมืองไทย ดังนี้
- พ.ศ. ๒๔๒๓ เรียกว่า “ไตรศิเคอล” (ไบศิเคอล-จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน)
- พ.ศ. ๒๔๒๕ เรียก “รถถีบ” (จดหมายเหตุรายวัน กรมพระยาเทวะวงศ์ฯ)
- พ.ศ. ๒๔๓๙ เรียก “ทวิจักรยาน” (หนังสือ ยุทธโกษ)
- พ.ศ. ๒๔๔๒ หนังสือ สรรพพจนานุโยค ของ แซมมวล สมิท นิยามคำว่า bicycle ไว้เป็นครั้งแรกใน
ประวัติศาสตร์พจนานุกรมไทยดังนี้
bicycle = รถถีบด้วยเท้าให้เดิน มีล้อใหญ่ข้างหน้า ล้อเล็กข้างหลัง
รถไบไศรเก็ล รถจักรยานเช่นนี้ถีบเดินเร็วนัก
- พ.ศ. ๒๔๔๔๓ เรียก “ไบศิเกอล” (ลายพระหัตถ์ สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี)
สังเกตได้ว่า คำ “จักรยาน” เริ่มมีปรากฏมาพัวพันกับ “bicycle” แล้วตั้งแต่ปี ๒๔๓๙ เป็นต้นมา และคงกว้างขวางในระดับหนึ่ง ทำให้ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทยของหมอสมิทเก็บคำนี้ไว้ (แต่ในดิกชันนารีอังกฤษ-ไทย อีกเล่มคือ ศิริพจน์ภาษาไทย ของสังฆราชปาเลกัวซ์ ตีพิมพ์ใหม่ พ.ศ. ๒๔๓๙ ไม่มีคำแปลของ bicycle บรรจุไว้)
อย่างไรก็ตาม คำ “จักรยาน” ก็น่าจะยังคงไม่ได้ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ ด้วนในหลายปีหลังจากนั้น ยังมีผู้เรียกทับศัพท์ว่า “ไบศิเกอล”, “ไบศิเกิ้ล” เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบันทึกต่าง ๆ ของเจ้านายชั้นสูง
อเนก นาวิกมูล พบข้อมูลสำคัญจากหนังสือ สยามประเภท ของ ก.ศ.ร. กุหลาบ ฉบับวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๔๘ ที่น่าจะทำให้เป็นอันยุติว่า ผู้ใดคือผู้นำคำ “จักรยาน” มาใช้กับ “bicycle”
ก.ศ.ร. กุหลาบ ว่าไว้ดังนี้...
“...(ข้อ ๕ ถามว่า) รถไบศิเกิ้ลแปลว่าอย่างไร ? ตอบว่าเราได้แปลแล้วก่อนมนุษย์ทั้งสิ้น ได้แปลแล้วลงใน ออบเซอร์เวอร์ เมื่อปี ๑๑๔ (ร.ศ. ๑๑๔ หรือ พ.ศ. ๒๓๓๘–ผู้เขียน) แปลชื่อรถไบซิเกิ้ลนั้นแล้วจึ่งแปลว่าดั่งนี้ ‘จักรยาน’ จักร แปลว่า หมุน, ยาน (หรือ) ยานะ แปลว่าพาหนะพาไป คือจักรพาไปเท่านั้นเอง...”
แม้ในระยะแรก ศัพท์บัญญัติที่เสนอโดย ก.ศ.ร. กุหลาบจะได้รับการปฏิเสธจากบุคคลชั้นสูงอยู่บ้าง แต่ในที่สุดมันก็แพร่หลายเป็นที่ยอมรับมาจนทุกวันนี้
นอกจากคำ “จักรยาน” และ “รถถีบ” แล้ว บางท้องถิ่นของไทยที่ภาคใต้ เรียกยานชนิดนี้ว่า “รถสองล้อ”
ส.พลายน้อย และ ล้อม เพ็งแก้ว จำได้ว่า ยังมีศัพท์บัญญัติอีกคำหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกให้แก่ bicycle คำนั้นคือ “แรงน่อง”
ผู้บัญญัติคือ น.ม.ส. หรือกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส
อย่างไรก็ตาม “แรงน่อง” ก็อ่อนแรงและเลือนไปในที่สุด
ย้อนกลับไปที่คำ “จักรยาน” แม้เราจะเจอว่า ก.ศ.ร. กุหลาบ เป็นผู้นำมาใช้จนเป็นที่ยอมรับในความหมายใหม่แล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีการพบหลักฐานว่าใครคือผู้จับคำว่า “จักร” และ “ยาน” มาสมาสเป็นคำใหม่ให้ไว้แก่โลกอย่างแท้จริง
ด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้ง (และแต่งตั้งข้าราชการ) กรมเรือกลไฟสมัยนั้น ทั้งพระบาทสมเด็จพระจอม-เกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาทั้งสามพระองค์ และต่างได้ทรงบัญญัติศัพท์เทคนิคไว้จำนวนไม่น้อย
บทความจากหนังสือ "สารคดี" เรื่อง"การกลับมาของรถถีบ"
แก้ไขล่าสุดโดย มยุรธุช เมื่อ Mon Mar 16, 2009 9:49 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
มยุรธุช- จำนวนข้อความ : 216
Join date : 05/03/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
....ขอบคุณค่ะ.....ความรู้ใหม่ประดับสมอง...แจ๋วแหว๋วจริงๆ.....
ท้าวยายม่อม- จำนวนข้อความ : 203
Join date : 25/02/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
เพิ่งเคยรู้นะครับเนี้ย ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ
popclassic- จำนวนข้อความ : 22
Join date : 25/04/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
ไม่เป็นไรครัเป็นการแบ่งปันความรู้ อยากทราบเรื่องอะไรถามมาได้ครับ
มยุรธุช- จำนวนข้อความ : 216
Join date : 05/03/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
มยุรธุช พิมพ์ว่า:ไม่เป็นไรครัเป็นการแบ่งปันความรู้ อยากทราบเรื่องอะไรถามมาได้ครับ
อยากทราบว่าท่านมยุรธุช...มีแฟนรึยัง......อิอิ........ตอบแม๊ะ...
ท้าวยายม่อม- จำนวนข้อความ : 203
Join date : 25/02/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
ตอบได้ครับไม่มีปัญหา ยังไม่มีแฟนครับ เพราะตัวเองเป็นสมบัติส่วนกลาง ใครจะมาหยิบไปใช้ไปควง ไปเที่ยว ไปสนิทสเน่ห์หาอย่างไรก็ได้ แต่ไม่สามารถเป็นสมบัติของนางใดได้อย่างเป็นทางการครับ เหอๆ
มยุรธุช- จำนวนข้อความ : 216
Join date : 05/03/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
มยุรธุช พิมพ์ว่า:ตอบได้ครับไม่มีปัญหา ยังไม่มีแฟนครับ เพราะตัวเองเป็นสมบัติส่วนกลาง ใครจะมาหยิบไปใช้ไปควง ไปเที่ยว ไปสนิทสเน่ห์หาอย่างไรก็ได้ แต่ไม่สามารถเป็นสมบัติของนางใดได้อย่างเป็นทางการครับ เหอๆ
..อ้อ....อย่างนี้..เข้าข่าย..หน่อไม้..เอ๊ย!!..ดอกไม้ริมทาง............คิก คิก
ท้าวยายม่อม- จำนวนข้อความ : 203
Join date : 25/02/2009
Re: มารู้จักคำว่าจักรยานกันเถอะ
คงไม่ถึงขนาดนั้นครับพี่ปูเหอๆ
มยุรธุช- จำนวนข้อความ : 216
Join date : 05/03/2009
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|